เที่ยวปากีสถาน กับ Koffee Nutt ตอน ป้อมบัลติต Baltit Fort มรดกโลกแห่งองค์การยูเนสโก

เที่ยวปากีสถาน กับ Koffee Nutt ตอน ป้อมบัลติต Baltit Fort มรดกโลกแห่งองค์การยูเนสโก

หุบเขาฮุนซ่า

ความสวยงามของหุบเขา Hunza ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางยอดเขาสูงชันทางตอนเหนือของปากีสถานบนเส้นทางสายไหม เป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักเดินทาง พ่อค้าและนักปีนเขามานานหลายศตวรรษ นอกเหนือจากธารน้ำแข็งอันเป็นเอกลักษณ์ ฟาร์มแอปริคอทที่อุดมสมบูรณ์ และทะเลสาบสีฟ้าครามแล้ว ภูมิภาคนี้ยังเต็มไปด้วยมรดกทางวัฒนธรรมอีกด้วยค่ะ

ในใจกลางหุบเขาฮุนซา มีป้อมอัลติตอายุมากกว่าพันปีและป้อมบัลติตอายุกว่า 800 ปี เป็นอนุสรณ์สถานที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคนี้ และเป็นหลักฐานของระบอบศักดินา

ป้อมอัลติต เดิมเป็นที่พำนักของ Mirs หรือกษัตริย์แห่งฮุนซ่า ก่อนจะถูกย้ายความสำคัญไปที่ป้อมบังติต ฐานที่มั่นใหม่ที่ตั้งอยู่เชิงเขาธารน้ำแข็ง Ulter ซึ่งเป็นตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ในการควบคุมเส้นทางการค้าคาราโครัม ระหว่างเอเชียใต้และเอเชียกลาง

ในปี 2004 ป้อมบัลติต ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกและได้รับการยอมรับในด้านความเป็นเลิศในด้านการอนุรักษ์

ป้อมบัลติต Baltit Fort เป็นป้อมอายุกว่า 800 ปี ก่อตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 8

ตั้งอยู่ใกล้กับคาริมาบัด ใน Gilgit Baltistan ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของรัฐฮุนซ่า

ป้อมบัลติต มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในอดีต ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์มุมกว้างของหุบเขาฮุนซ่า เพื่อระแวดระวังภัยคุกคามจากทั้งภายนอกและภายใน

ปัจจุบันมีชื่อเสียงในฐานะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของฮุนซ่าหลังจากการบูรณะในปี 1990 โดยมูลนิธิ Agha Khan

ป้อมบัลติต เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ในแผนผังมี 3 ชั้นและตั้งอยู่บนฐานหินสูง

ชั้นใต้ดินจะประกอบด้วยพื้นที่เก็บของเป็นส่วนใหญ่

ชั้นหนึ่งมีห้องโถงเปิดโล่งขนาดใหญ่ มีบันไดนำไปสู่ชั้นสอง

ชั้นสอง มีห้องพักในฤดูหนาวมีท้องพระโรง ห้องรับประทานอาหาร ห้องครัว ห้องพักรับรองแขก และห้องคนรับใช้

ชั้นสาม เป็นห้องพักในช่วงฤดูร้อน มีห้องนอนและห้องรับรอง Mirs หรือผู้ปกครองเมืองฮุนซาอาศัยอยู่ที่นี่จนกระทั่งปี 1945

ประวัติป้อมบัลติต

ในสมัยโบราณ มีรัฐเอกราชเล็กๆ หลายแห่งทางตอนเหนือของปากีสถาน ได้แก่ ฮุนซ่า และ นาการ์ ทั้งสองเป็นรัฐคู่แข่งที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำฮุนซ่า ผู้ปกครองของทั้งสองรัฐนี้ ได้สร้างป้อมต่างๆ เพื่อแสดงอำนาจของตน

ผู้ปกครองฮุนซ่า เดิมอาศัยอยู่ในป้อมอัลติต แต่ต่อมาเนื่องจากความขัดแย้งระหว่างบุตรชายสองคนของผู้ปกครอง คือเจ้าชายชาห์อับบาส (พี่ชาย หรือที่รู้จักกันในชื่อชาโบส Shaboos) และเจ้าชายอาลีข่าน (น้องชาย) Ali Khan

ชาโบสจึงย้ายไปที่ป้อมบัลติต การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจระหว่างสองพี่น้อง ส่งผลให้ผู้เป็นน้องคือ อาลีข่านเสียชีวิต และป้อมปราการบัลติต ก็ถูกสถาปนาเป็นเมืองหลวงแห่งอำนาจในรัฐฮุนซ่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

การบูรณะป้อมบัลติต

ป้อมบัลติต เป็นป้อมแห่งแรกที่ได้รับการบูรณะ (ค.ศ. 1990-96) โดย Aga Khan Trust for Culture ในฐานะโครงการนำร่องในการอนุรักษ์อนุสาวรีย์หลายแห่งทางตอนเหนือของปากีสถาน

การต่อเติม การปรับปรุง และการเปลี่ยนแปลงอาคารเกิดขึ้นตลอดหลายศตวรรษโดยผู้ปกครองของฮุนซ่า

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในโครงสร้างของป้อมบัลติต มาพร้อมกับการรุกรานของอังกฤษในเดือนธันวาคม 1891 ส่งผลให้ Tham/Mir Safdarali Khan ผู้ปกครองฮุนซ่า หลบหนีไปยัง Kashgar (จีน) เพื่อลี้ภัยทางการเมือง

ดาบและอาวุธโบราณ ส่วนใหญ่นำเข้าจากจีนและรัสเซีย

หลังจากการพิชิตรัฐฮุนซ่า และนาการ์ โดยกองกำลังอังของกฤษในเดือนธันวาคม 1891 กำแพงป้อมปราการและหอสังเกตการณ์ของหมู่บ้านบัลติต ก็ได้ถูกทำลายลง

อังกฤษแต่งตั้ง Tham/Mir Sir Muhammad Nazim Khan K.C.I.E เป็นผู้ปกครองรัฐฮุนซ่า ในเดือนกันยายน 1892

ท่านทรงทำการปรับปรุงป้อมบัลติตครั้งใหญ่หลายครั้ง ในช่วงของของการปกครอง โดยทรงให้รื้อห้องหลายห้องบนชั้นสามและเพิ่มห้องหลายห้องในสไตล์บริติชโคโลเนียลไว้ด้านหน้า โดยใช้ปูนขาวและหน้าต่างกระจกสี

ป้อมบัลติต ยังคงมีผู้อยู่อาศัยจนถึงปี 1945

ชั้นสองมีระเบียงเปิดโล่งพร้อมบัลลังก์หลวงใต้หลังคาไม้สไตล์โมกุลที่สวยงาม มีห้องนั่งเล่น หน้าต่างที่ยื่นจากผนังพร้อมระเบียง และทิวทัศน์อันตระการตา

ที่ตั้งของป้อม ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาอันยิ่งใหญ่ เช่น Rakaposhi (7788 ม.), Diran Peak (7257 ม.), Golden Peak (7027 ม.), Ultar (7388 ม.) และ Bubulimoting (หรือ Lady Finger’, 6000 ม.)